กรณีสามีภรรยาทวงถามหาศพลูกแฝดจาก รพ.ศูนย์เจ้าพระยายมราช จ.สุพรรณบุรี จนตกเป็นข่าวดัง กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร กระทั่งนายเกรียงไกร สุภีทรัพย์ อายุ 30 ปี สามี และน.ส.กรกนก เพิ่มพิรัญ อายุ 22 ปี ภรรยา ได้ออกมาสารภาพว่าข้อเท็จจริงก็คือภรรยาท้องจริง ๆ ได้ประมาณ 4-5 เดือน แต่ว่าหลุดไป ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ ในวันที่ 24 พ.ค.64 จะพาภรรยาไปที่โรงพยาบาลเพื่อจัดแถลงข่าว ล่าสุดวันที่ 23 พ.ค.64 ทีมข่าวอมินทร์ ทีวี เดินทางมาที่โรงงาน ต.สวนแตง อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ซึ่งเป็นสถานที่ทำงานของนายเกรียงไกร หรือ นัท สามีของสาวท้องทิพย์
จากการสอบถาม แม่ค้าร้านขายของชำในโรงงาน เปิดเผยว่า นายนัท เป็นพนักงานขับรถให้เฒ่าแก่มาหลายปีแล้ว ซึ่งนายนัทเป็นคนดีมาก ขยันทำงาน และเพิ่งจะมาคบกับน.ส.เตยได้ไม่ถึงปี ซึ่งตั้งแต่คบหากันตนก็เห็นว่านายนัทรักแฟนสาวมาก ๆ ส่วนฝ่ายหญิงตนไม่ทราบ
เพราะตนไม่เคยคุย เวลาน.ส.เตยมาที่โรงงาน ก็นั่งกดโทรศัพท์อย่างเดียว ไม่ได้คุยกับใคร แต่ทุกครั้งที่มาตนก็เห็นว่าใส่ชุดคลุมท้อง ด้วยเหตุนี้ตนจึงสงสัยว่าเขาจะแต่งตัวให้เหมือนคนท้องทำไม และทำไปเพื่ออะไร แต่นายนัทอยากมีลูกมาก ๆ ตั้งแต่น.ส.เตยตั้งครรภ์ก็ไม่ได้ให้ทำงาน และเป็นฝ่ายทำงานหาเงินอยู่คนเดียว กระทั่งมาเกิดเรื่องตนก็รู้สึกสงสารนายนัท เพราะตนเชื่อว่า นายนัทน่าจะถูกหลอก และต้องมาลำบากกับเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งไม่รู้ว่าจากนี้จะถูกตั้งข้อหาอะไรบ้าง เพราะปกติทั้งคู่ไม่ได้นอนอยู่ที่นี่
อย่างไรก็ตาม ทีมข่าวพยายามโทรศัพท์ติดต่อ น.ส.กรกนก หรือ เตย แต่ไม่มีใครรับสาย นอกจากนี้ทีมข่าวยังได้โทรสอบถาม นายเกรียงไกร หรือ นัท ซึ่งไม่ประสงค์ที่จะให้สัมภาษณ์ เพราะอยู่ในระหว่างการทำงาน และเป็นคนขับรถส่งของต่างจังหวัด อีกทั้งถูกกำชับมาว่าอย่าเพิ่งให้ข่าว และให้รอแถลงในวันพรุ่งนี้ (24 พ.ค.64) นอกจากนี้ ทีมข่าวเดินทางมาที่ หมู่ 3 ต.องค์รักษ์ อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี ซึ่งเป็นบ้านพักของนางสาวเตย โดยบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว ลักษณะค่อนข้างจะทรุดโทรม ขณะที่ทีมข่าวลงพื้นที่ ไม่พบว่าน.ส.เตยอยู่บ้านหลังนี้ และจากการสอบถามได้ย้ายออกไปอยู่กับแฟนหนุ่ม
น.ส.ตอง (สงวนชื่อ-สกุลจริง) อายุ 17 ปี น้องสาวของน.ส.เตย เปิดเผยว่า ตนเพิ่งจะมาทราบเรื่องจากข่าว หลังทราบเรื่องก็รู้สึกงง ๆ เพราะตนเห็นอยู่กับตาว่าพี่สาวท้องจริง เพราะมีลักษณะเหมือนคนท้อง และตอนที่จับรู้สึกว่ามีเด็กดิ้น ครั้งล่าสุดที่ตนจับท้อง คือวันที่ 21 เม.ย.64 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ พี่สาวตนมักจะสั่งของที่เกี่ยวกับเด็ก เช่น ที่นอน เสื้อผ้าเด็ก แต่ของเหล่านี้ไม่ได้อยู่ที่บ้าน ไม่รู้น.ส.เตย เอาไปไว้ที่ไหน ส่วนความสัมพันธ์ของน.ส.เตยกับนายนัท ทั้งคู่รักกันมาก และนายนัทก็เคยบอกว่า อยากจะมีลูก อีกทั้งตนไม่เคยเห็นว่าทั้งคู่ทะเลาะกัน แต่ตนไม่ได้อยู่ด้วยตลอด เลยไม่รู้ว่าทั้งคู่มีปัญหาอะไรกันหรือไม่
นพ.สิทธา ลิขิตนุกูล หรือ หมอกอล์ฟ เจ้าของเพจคุณหมอสตอรี่ ให้ข้อมูลว่า ตนดูจากข้อมูลแล้วเชื่อว่าหญิงสาวคนดังกล่าวไม่ได้ท้อง เพราะจากผลตรวจของแพทย์ก็ชัดเจนแล้ว ส่วนเรื่องน้ำหนักรวมไปถึงท้องที่ค่อนข้างใหญ่นั้น อาจจะเป็นเพราะน้ำหนักอ้วนขึ้นก็เป็นได้ ส่วนการที่พ่อเด็กอ้างว่ามีการฟังท้องเด็ก และได้ยินเสียงนั้น อาจจะเป็นการมโนเอาก็ได้ เพราะไม่ได้ใช้หูฟังของแพทย์โดยตรง ผู้หญิงอาจจะหิวข้าวมีเสียงท้องร้องก็เป็นไปได้ ตนขอวิเคราะห์อยู่ 2 เรื่องหลัก ๆ คือ 1.อาจจะจิตเวชหรือไม่ เพราะถ้าเป็นอาการจิตเวช ต้องมีการพบแพทย์ด้วย เพราะอยากท้องและไปโกหกคนอื่นว่าตัวเองท้อง หรือ 2.เป็นความปรารถนาอยากมีลูก จึงต้องท้องให้สำเร็จเพราะกลัวแฟนจะไม่รักหรือไม่
จากการสอบถาม น.ส.มาลี เนตรสว่าง อายุ 62 ปี ยายของน.ส.เตย เปิดเผยว่า ตนเคยจับท้องของน.ส.เตย 2 ครั้ง คือ ตอนที่ตั้งครรภ์ได้ 3 เดือนกับ 5 เดือน ขณะที่ตนจับดูตนเห็นว่าท้องใหญ่ และพบว่ามีเด็กดิ้นอยู่ในท้อง ตลอดเวลาที่ตั้งครรภ์ตนได้โทรศัพท์ถามไถ่กันประจำ ซึ่งน.ส.เตย ก็ตอบแค่ว่า “ดี ๆ”
นอกจากนี้ ทีมข่าวได้เดินทางมาขอยืมผ้าขนหนู จากบ้านของน.ส.เตย ซึ่งผ้าขนหนูที่ทีมข่าวยืมมา มีทั้งหมด 4 ผืน ตามข้อมูลของน.ส.เตย ที่เคยเล่าให้ทีมข่าวฟังว่า พยาบาลขอผ้าขนหนูไปประมาณ 3-4 ผืน เพื่อห่อศพลูก ทีมข่าทดสอบห่อผ้าขนหนู โดยนำผ้าขนหนูทั้งหมด 3 ผืนยัดไว้ข้างใน และห่อด้วยผ้าขนหนูอีก 1 ผืน ซึ่งผ้าขนหนูที่ทีมข่าวใช้ห่อห่อไว้ด้านนอกสุด จะมีลักษณะเดียวกับผ้าที่น.ส.เตยได้ใช้ห่อศพเด็กทิพย์ จากนั้นทีมข่าวได้ทดสอบเดินอุ้มเด็กไปมา หากมองไกล จะมีลักษณะเหมือนอุ้มผ้าที่ห่ออะไรบางอย่าง คล้ายกับวิธีการที่น.ส.เตยเคยเดินอุ้มลูกออกมาจากโรงพยาบาล และเดินอุ้มลูกเข้าไปในวัด
ทีมข่าวสอบถาม น.พ.สิทธา ลิขิตนุกูล เจ้าของเพจคุณหมอสตอรี่ ระบุว่า การวิเคราะห์ภาษากายของ 2 สามีภรรยาตั้งครรภ์ทิพย์ สามารถวิเคราะห์ได้ดังต่อไปนี้ จากการสังเกตนายเกรียงไกร ช่วงให้สัมภาษณ์ ขณะตอบคำถามมีการแสดงความรู้สึกผิด โดยการยกมือไหว้ขอโทษ มีการแสดงความรู้สึกวิตกกังวล หรือใช้ความคิด ทำให้ร่างการแสดงการหลับตา หันไปด้านข้างมากกว่าปกติ เสมือนมีความวิตกกังวล หรือนึกคำพูด เรื่องน้ำเสียงในการตอบคำถามมีความสั่นเครือ เสมือนเสียใจ มีการแสดงความรู้สึกเสียใจอย่างจริงใจ เพราะร่างกาย เช่น มือ แขน มีการขยับตลอดเวลา ไม่อยู่นิ่ง
ขณะที่น.ส.กรกนก จากการสังเกตช่วงออกให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อ เจ้าตัวไม่ค่อยพูดอะไร แต่ทางภาษากาย มีก้มหน้า ยกมือไหว้ตามสามี ทำตาปริบ ๆ เสมือนมีความอึดอัดใจ เสมือนมีเรื่องที่ยังไม่ได้พูดผ่านสื่อ อย่างไรก็ตาม หากอยากทราบความคิดที่แน่ชัดของทั้งคู่ว่ามีความคิดรู้สึกอย่างไร ก็ต้องรอวิเคราะห์ต่อหลังจากที่เจ้าตัวออกมาแถลงความคืบหน้าผ่านสื่ออีกครั้ง
คลิป
No comments:
Post a Comment